“เด็กที่มีปัญหาเรื่องเพศ ใจแตก ส่วนมากจะมาจากครอบครัวแตกแยก ขาดความอบอุ่นเพราะพ่อแม่แยกกันอยู่”
ประโยคนี้ดูจะยอดฮิตเกือบทุกครั้งของการสนทนาปัญหาวัยรุ่น ใครหนอช่างบัญญัติมาตรฐานนี้ จนเป็น “วาทกรรมที่ยิ่งใหญ่” ของสังคมไปแล้ว
มันแปลว่าอะไรกันแน่น จริงหรือที่พ่อแม่ลูกอยู่ด้วยกันแล้ว หมายถึง อบอุ่น
ก็ถ้าอยู่ด้วยกันแล้วทะเลาะเบาะแว้งกันทุกวี่วันล่ะ...
ชูไชย นิจไตรรัตน์ จากองค์การแพธ ถ่ายทอดเรื่องราวของเขาจากชีวิตจริงผ่านสื่อสังวาส ปีที่ 2 ฉบับที่ 39 ไว้อย่างน่าสนใจ เขาเล่าว่า
การที่ชีวิตคู่ของคนจะยุติลง มันคงมีเงื่อนไขความจำเป็นมากมาย ผมก็เป็นคนหนึ่งในจำนวนคนอีกหลายคู่ ที่จำเป็นต้องแยกกับแม่ของลูกสาว แล้วเอาลูกมาอยู่ด้วย
จำได้ว่าครั้งหนึ่งตอนลูกเรียนประถม ลูกมาบอกว่า “วันแม่ครูให้พาแม่ไปที่โรงเรียนเพื่อนั่งรับมาลัยจากลูก แล้วฟังลูกร้องเพลงค่าน้ำนม หนูจะทำอย่างไรดีพ่อ”
วันแม่ปีนั้น ผมไปนั่งรับมาลัยมะลิสดจากลูก ได้ฟังกลุ่มเด็กๆ ร้องเพลงค่าน้ำนม ได้เห็นน้ำตาของแม่และลูกหลายคน รวมทั้ง “แม่อย่างผม” ที่กอดลูกแน่น เพราะสงสารลูกจับใจ
ก็ “แม่” ของเธอดูไม่เหมือนแม่ของคนอื่น
ผมได้รับคำยกย่องชมเชยจากครูว่าทำดี ได้รับเสียงตบมือจากแม่ๆ คนอื่นเกรียวกราว หรือระคนไปกับความรู้สึกแปลกใจของผู้คนในวงนั้น ...ก็ไม่แน่ใจ
กาลต่อมาลูกย่างเข้าสู่วัยรุ่น เธอถามผมว่า “ครูพูดเป็นประจำถึงข่าวปัญหาวัยรุ่นว่า ครอบครัวที่พ่อแม่แยกกันอยู่ ทำให้เด็กเป็นปัญหาสังคม มันจริงใช่มั่ยพ่อ”
รวมถึงบางครั้งเวลาเราเครียดใส่กัน เธอก็มักจะตะโกนว่า “ก็หนูมันเป็นพวกเด็กมีปัญหานี่ ครูก็บอกทุกวัน คนอ่านข่าวที่พ่อชอบฟังเขาก็พูด”
แม้ผมจะเลี้ยงลูกแบบไม่ได้ประคบประหงม แต่ผมให้ความรักความอบอุ่นแก่เขา อาจจะมากกว่าบางครอบครัวที่อยู่พร้อมพ่อแม่ลูกด้วยซ้ำ
ผมเลี้ยงดูเธอในแบบที่ทำให้อยู่ในสังคมทุกวันนี้ได้อย่างที่เธอต้องการ ไม่ถูกเอาเปรียบ แล้วก็ไม่เอาเปรียบใคร และมีความสุขตามเงื่อนไขที่เลือก
แม้อาจจะไม่ถูกใจเรา แต่นั้นก็คือ เธอเลือก
ในสังคมเดียวกันนี้ น่าจะมีพ่ออย่างผม แม่ของลูก หรือยายหรือย่า จำนวนไม่น้อยเลยที่เลี้ยงดูลูกหลายฝ่ายเดียวอย่างรักใคร่ ให้ความอบอุ่น ทะนุถนอม เกื้อกูล และอาจจะมากกว่าที่ผมให้ลูกด้วยซ้ำไป
เขาหรือเธอที่สดใสเยาว์วัยเหล่านั้น “ขาดความรักความอบอุ่น” หรือ “เพราะมีคนมากมายในสังคมบอกให้เขาเป็นแบบนั้นกรอกหูกันอยู่แบบนั้น ย้ำกันอยู่อย่างนั้น” ที่นี่ก็ได้ยิน ที่โรงเรียนก็ได้ยิน
ได้ยินจนเชื่อว่าเป็นแบบนั้น
เสียงเพลง “ค่าน้ำนม” จะก้องกังวานสร้างมนต์ขลังเรียกน้ำตาของแม่ลูกครั้งแล้วครั้งเล่า... ลูกที่ไม่ได้อยู่กับแม่ หรือแม่ที่ไม่ได้อย่กับลูกจะเป็นกี่เท่าของคนที่อยู่กันพร้อมหน้า
ถ้าสังคมทุกวันนี้ ทุกคนอยู่พร้อมพ่อแม่ลูก ปัญหาวัยรุ่นจะหมดไป หรือไง???
ถ้าไม่ใช่...หาประโยคใหม่สนทนากันเถอะ
การที่ชีวิตคู่ของคนจะยุติลง มันคงมีเงื่อนไขความจำเป็นมากมาย ผมก็เป็นคนหนึ่งในจำนวนคนอีกหลายคู่ ที่จำเป็นต้องแยกกับแม่ของลูกสาว แล้วเอาลูกมาอยู่ด้วย
จำได้ว่าครั้งหนึ่งตอนลูกเรียนประถม ลูกมาบอกว่า “วันแม่ครูให้พาแม่ไปที่โรงเรียนเพื่อนั่งรับมาลัยจากลูก แล้วฟังลูกร้องเพลงค่าน้ำนม หนูจะทำอย่างไรดีพ่อ”
วันแม่ปีนั้น ผมไปนั่งรับมาลัยมะลิสดจากลูก ได้ฟังกลุ่มเด็กๆ ร้องเพลงค่าน้ำนม ได้เห็นน้ำตาของแม่และลูกหลายคน รวมทั้ง “แม่อย่างผม” ที่กอดลูกแน่น เพราะสงสารลูกจับใจ
ก็ “แม่” ของเธอดูไม่เหมือนแม่ของคนอื่น
ผมได้รับคำยกย่องชมเชยจากครูว่าทำดี ได้รับเสียงตบมือจากแม่ๆ คนอื่นเกรียวกราว หรือระคนไปกับความรู้สึกแปลกใจของผู้คนในวงนั้น ...ก็ไม่แน่ใจ
กาลต่อมาลูกย่างเข้าสู่วัยรุ่น เธอถามผมว่า “ครูพูดเป็นประจำถึงข่าวปัญหาวัยรุ่นว่า ครอบครัวที่พ่อแม่แยกกันอยู่ ทำให้เด็กเป็นปัญหาสังคม มันจริงใช่มั่ยพ่อ”
รวมถึงบางครั้งเวลาเราเครียดใส่กัน เธอก็มักจะตะโกนว่า “ก็หนูมันเป็นพวกเด็กมีปัญหานี่ ครูก็บอกทุกวัน คนอ่านข่าวที่พ่อชอบฟังเขาก็พูด”
แม้ผมจะเลี้ยงลูกแบบไม่ได้ประคบประหงม แต่ผมให้ความรักความอบอุ่นแก่เขา อาจจะมากกว่าบางครอบครัวที่อยู่พร้อมพ่อแม่ลูกด้วยซ้ำ
ผมเลี้ยงดูเธอในแบบที่ทำให้อยู่ในสังคมทุกวันนี้ได้อย่างที่เธอต้องการ ไม่ถูกเอาเปรียบ แล้วก็ไม่เอาเปรียบใคร และมีความสุขตามเงื่อนไขที่เลือก
แม้อาจจะไม่ถูกใจเรา แต่นั้นก็คือ เธอเลือก
ในสังคมเดียวกันนี้ น่าจะมีพ่ออย่างผม แม่ของลูก หรือยายหรือย่า จำนวนไม่น้อยเลยที่เลี้ยงดูลูกหลายฝ่ายเดียวอย่างรักใคร่ ให้ความอบอุ่น ทะนุถนอม เกื้อกูล และอาจจะมากกว่าที่ผมให้ลูกด้วยซ้ำไป
เขาหรือเธอที่สดใสเยาว์วัยเหล่านั้น “ขาดความรักความอบอุ่น” หรือ “เพราะมีคนมากมายในสังคมบอกให้เขาเป็นแบบนั้นกรอกหูกันอยู่แบบนั้น ย้ำกันอยู่อย่างนั้น” ที่นี่ก็ได้ยิน ที่โรงเรียนก็ได้ยิน
ได้ยินจนเชื่อว่าเป็นแบบนั้น
เสียงเพลง “ค่าน้ำนม” จะก้องกังวานสร้างมนต์ขลังเรียกน้ำตาของแม่ลูกครั้งแล้วครั้งเล่า... ลูกที่ไม่ได้อยู่กับแม่ หรือแม่ที่ไม่ได้อย่กับลูกจะเป็นกี่เท่าของคนที่อยู่กันพร้อมหน้า
ถ้าสังคมทุกวันนี้ ทุกคนอยู่พร้อมพ่อแม่ลูก ปัญหาวัยรุ่นจะหมดไป หรือไง???
ถ้าไม่ใช่...หาประโยคใหม่สนทนากันเถอะ
ขอบคุณแหล่งที่มา
ผู้เขียนบทความ : คุณชูไชย นิจไตรรัตน์
เว็บไซต์ www.ipro-training.com

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น